เพลิงไหม้บ้านกลางดึก ชาวบ้านหอบงูหนีตาย
เพลิงไหม้บ้านกลางดึก ชาวบ้านหอบงูหนีตาย
วันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 03.35 น.
ร้อยตำรวจโท วัชรพงษ์ มณีทอง รอง สว.สอบสวน สน.ภาษีเจริญ รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยเพชรเกษม 48 แยก 18 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยบางแค พร้อมทั้งอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เน่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครไปถึงที่เกิดเหตุพบเหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 29 ซอย เพชรเกษม 48 แยก 18 ถนน เพชรเกษม แขวง บางด้วน เขต ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะบ้านทาวเฮ้าส์สูง 2 ชั้น ปลูกติดกันหลายหลัง จุดเกิดเหตุอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวต้นเพลิงอยู่บริเวณด้านหลังบ้านชั้นล่างตรงบริเวณห้องครัวแสงเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก แล้วลุกลามอย่างเร็วขึ้นสู่บริเวณชั้นที่สองของตัวบ้านแล้วลามไปติดบ้านข้างเคียงอีก 2 หลัง อาสาสมัครพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงทำการเร่งวางหัวฉีดดับเพลิง เพื่อรีบเร่งระงับเหตุทันที ใช้เวลา 30 นาที จึงทำการระงับเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้ได้ และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสำลักควัน 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย ซึ่งทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บต่อมาชื่อ เด็กชาย เอ ( นามสมมุติ ) อายุ 14 ปี และ นาง พนิดา 56 ปี ทั้งสองคนเป็นแม่ลูกกัน และเป็นผู้พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังต้นเพลิงดังกล่าว โดยมีนาย ธนวัฒน์ อายุ 29 ปี เป็นเจ้าของบ้าน อาสาสมัครให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล มิตรประชา อย่างเร่งด่วน
และจากการสอบถาม นาย ภูษิต อายุ 59 ปี พักอาศัยอยู่ข้างบ้าน กล่าวว่า ตอนที่ตนตื่นลงมาข้างหน้าบ้านยังไม่เห็นไฟเห็นเป็นควันไฟเฉยๆ พอตนเปิดประตูหลังก็เห็นไฟมันเริ่มลุกไหม้ตรงระเบียงเป็นแบบสะเก็ดแล้วก็เป็นไฟที่เริ่มลุกขึ้นมาซึ่งตอนนั้นตนมองไปบนฟ้าก็เห็นควันเริ่มจะเยอะและตนก็เลยปิดประตูแล้วก็รีบวิ่งมาเก็บข้าวของ ได้ยินเสียงคนในบ้านเขาพูดอยู่แต่เขาน่าจะหนีลงมาจากชั้นสองตรงบริเวณข้างบ้านเพราะว่าเขาบอกว่าเขาหากุญแจบ้านไม่เจอ
เบื้องต้นจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่พบผู้เสียชีวิตภายในบ้านหลังดังกล่าวส่วนความเสียหายบ้านหลังต้นเพลิได้รับความเสียหายทั้งหมด และบ้านข้างเคียงทั้งซ้ายขวาได้รับผลกระทบไปด้วยเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือบ้านที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ติดกับบ้านต้นเพลิงตอนที่เกิดเพลิงไหม้เขาไม่ได้นำทรัพย์สินที่มีค่าออกมาเลยนอกจากหอบเอาน้องงูที่อยู่ในกล่องพลาสติก ประมาณ 7 กล่อง แล้วแต่ละกล่องมีงูอยู่กล่องละ 1 ตัว ซึ่งเป็นงูหลากหลายสายพันธ์ุกันไป นำออกมาเรียงรายเอาไว้ด้านนอกบ้าน ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านเป็นจำนวนมาก แต่เจ้าของงูบอกว่า น้องๆไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร เป็นงูเลี้ยงเอาไว้เพราะความชอบและเอาไว้เพาะพันธุ์ขาย น้องๆจึงเป็นสิ่งมีค่าที่สุดสำหรับเขานั่นเอง
