ทุกข์ของชาวบ้านพาดหัวข่าวร้องเรียน/ร้องทุกข์

กลุ่มผู้เสียหายแชร์ AIMC Global ร้อง สว.นันทนา ช่วยติดตามคดี หลังยื่นเรื่องให้ DSI แล้วเงียบนาน 3 ปี

กลุ่มผู้เสียหายแชร์ AIMC Global ร้อง สว.นันทนา ช่วยติดตามคดี หลังยื่นเรื่องให้ DSI แล้วเงียบนาน 3 ปี
กลุ่มผู้เสียหายแชร์ AIMC Global ยื่นหนังสือ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ให้ติดตามทวงถามภายหลังยื่นเรื่องต่อดีเอสไอตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จนปัจจุบัน เกือบ 3 ปี คดีไม่คืบ ให้ดีเอสไอดำเนินคดีบริษัท AIMC Global หลังถูกหลอกชักชวนร่วมลงทุนสกุลเงินดิจิทัล แต่ไม่จ่ายผลตอบแทนได้ตามที่โฆษณา ทำให้มีสมาชิกได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่าสองร้อยล้านบาท


วันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา กลุ่มผู้เสียหายแชร์ AIMC Global ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ขอให้ติดตามทวงถามคดี กรณีกลุ่มผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อให้ดำเนินคดี บริษัท AIMC Global หลังถูกหลอกชักชวนร่วมลงทุนสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ แต่ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้ตามที่โฆษณาไว้ ทำให้สมาชิกได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และปัจจุบันยังมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมเรียกร้องเงินเยียวยาเงินคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป โดยขอให้ช่วยตรวจสอบ ติดตามการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อบริษัทดังกล่าว ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาสามารถใช้อำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 150 ร่วมตรวจสอบในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติอีกทางหนึ่งด้วย
รศ.ดร.นันทนา กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากSCG CORPORATION หรือ AIMC GLOBAL หรือ MAXNA INFINITYชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลเหรียญคริปโต (USDT)ผ่านเอ็กเช้นโดยโฆษณาจูงใจด้วยผลตอบแทนสูงอ้างว่าจะนำไปลงทุนในธุรกิจที่มีกำไรดีแต่สุดท้ายเราไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้ตามที่โฆษณาไว้ทำให้สมาชิกได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 12 ม.ค.65กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันไปร้องเรียนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เป็นครั้งแรก ต่อมาในวันที่ 17 ม.ค.65 ทางดีเอสไอมีหนังสืบแจ้งกลับว่า แจ้งรับเรื่องไว้แล้วอยู่ในระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเบื้องต้น ในวันที่ 26 ม.ค.65 ทางดีเอสไอมีหนังสือแจ้งกลับตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้พิจารณากรณีดังกล่าว และมอบหมายให้กองบริหารคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยในระหว่างนี้ทางแอดมินได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตลอด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ เช่น การรวบรวมหลักฐาน และสรุปความเสียหายให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของดีเอสไอคือ 100 ล้านบาท หรือ ผู้เสียหายเกิน 300 คน จนกระทั่งในวันที่ 18 มี.ค.65 ทางดีเอสไอมีหนังสือแจ้งกลับว่า กรณีดังกล่าวไม่เข้าข่ายความผิดแต่เพื่อเป็นยุติธรรมทางดีเอสไอจะส่งเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนผู้เสียหายทั้งหมดไปที่ 3 หน่วยงาน คือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสรรพากร โดยในระหว่างที่เรื่องถูกส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทางแอดมินยังคงติดต่อกับทางตำรวจสอบสวนกลางอยู่และส่งข้อมูลพร้อมทั้งติดต่อประสานงานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางพิจารณาเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดเข้าข่ายเกณฑ์ที่ทางดีเอสไอกำหนดและสามารถรับเรื่องไว้ได้ต่อมาในวันที่ 17 พ.ค.65 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจึงมีหนังสือแจ้งส่งเรื่องกลับไปที่ดีเอสไอให้ทำคดีต่อไปได้ จนกระทั่งในวันที่ 31 ส.ค.65 ทางดีเอสไอจึงมีหนังสือเชิญกลุ่มผู้เสียหายทยอยให้ไปถ้อยคำตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2565 โดยในวันนั้นมีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งเดินทางไปดีเอสไอและให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่จึงเป็นที่มาของเอกสารเส้นทางการเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นคนให้ผู้เสียหายมากรอกรายละเอียดและรีบส่งก่อนวันที่ 31 ต.ค.65ทั้งนี้จนถึงปัจจุบันมูลค่าความเสียหายพบว่ามีกว่า 241,688,437.48 ล้านบาท ผู้เสียหายเบื้องต้น 319 คนซึ่งกลุ่มผู้เสียหายไม่ทราบว่าในปัจจุบันกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังคงดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีอยู่หรือไม่อย่างไร เพราะไม่ทราบผลการดำเนินงาน และล่วงเลยระยะเวลามาจะครบ 3 ปี ในวันที่ 12 ม.ค.2568 นี้แล้ว และหลังจากยื่นหนังสือที่ ส.ว.นันทนาแล้ว กลุ่มผู้เสียหายจะไปยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการทำงานที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ด้วย
จึงขอให้ ส.ว.นันทนาในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีบทบาทในการตรวจสอบความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐ ช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้และติดตามทวงถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยเร่งด่วนเพื่อบรรเทาและเยียวยาความเดือดร้อนของกลุ่มผู้เสียหายต่อไป
หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในกลุ่มไลน์แชร์นี้ มีคนอยู่ในห้องนั้นกว่า 6,000 คน คาดการณ์ว่า มีมูลค่าความเสียหายเกือบ 10,000 ล้านบาท ซึ่งในวงแชร์นี้ก็มีกลุ่มผู้มีชื่อเสียง ดาราอยู่ด้วย และกลุ่มเราที่เสียหายกว่า 300 ราย ได้ร้องไปยังดีเอสไอมาสองปีกว่าแล้ว แต่คดีไม่มีความคืบหน้า ทุกครั้งที่ทวงถามเจ้าหน้าที่ก็จะบอกว่า ออกต่างจังหวัด และจะติดต่อกลับมา แต่ไม่ได้รับการติดต่อ ไม่ว่าจะโทรศัพท์กี่ครั้ง ก็ได้รับคำตอบเช่นนี้เหมือนเดิม จึงได้มาร้องเรียนต่อวุฒิสภา ทั้งนี้ พบว่า มีแม่ทีมบางคนขู่ว่า ไม่ให้ฟ้องร้องเรื่องนี้ เพราะเขารู้จักผู้ใหญ่ในดีเอสไอ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่มาร้องเรียนกับทาง สว. และมีแม่ทีมบางคน ถึงขั้นขู่ว่า จะอุ้มฆ่าผู้เสียหายที่มาร้องเรียนด้วย ขณะเดียวกัน ผู้เสียหายยังเปิดเผยด้วยว่า ปัจจุบันแชร์วงนี้ ยังมีการเปิดวงดำเนินกิจการอยู่
ต่อมา กลุ่มผู้เสียหาย ได้เดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เพื่อทำการยื่นหนังสือให้กับทาง อธิบดี โดยได้มีการชูป้ายทวงถามถึงความคืบหน้าของคดี
นางสาวก้อย และแฟน หนึ่งในผู้เสียหาย ได้เล่าว่า ตนเริ่มเข้าร่วมลงทุนเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยได้รับการเชิญชวนมาจากญาติของแฟน ตนก็ได้ร่วมลงทุนเป็นจำนวนนึง ก็ได้เข้าร่วมเกาะกลุ่มกับผู้เสียหายที่ได้เข้ายืนเรื่องทาง DSI ตนเข้าได้ประมาณ 2 เดือน แล้วเขาก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นระบบใหม่ แล้วก็ไม่มีการถอนหรือว่าคืออะไรให้ ส่วนข้อมูลลึก ๆ เลยตนจะไม่ค่อยทราบ แต่มีทราบเบื้องต้นเลยมีสายมาจากขอนแก่น ที่เขาจะมาชวนเป็นแม่ทีมเป็นสาย ๆ ต่อกัน แต่ถ้าสูงสุดเลยจะมาจากโซนชลบุรี ก็จะมีเท่านี้ที่ตนทราบ เงินที่ตนลงทุนไปสองแสนห้าหมื่นบาทเป็นเงินที่ตนเก็บตนลงทุนครั้งเดียวโอนก้อนเดียวเลย ตนก็ไม่ได้ชักชวนใครต่อแล้วก็อยู่ในช่วงที่ตนไม่ได้ถอนเลย เพราะว่าลงไปปึบ ประมาณสัก 1-2 เดือน เขาก็แจ้งว่าเปลี่ยนระบบไม่ได้ทำการถอน เราก็ไม่ได้ถอนเลย แล้วก็มีให้มาลงเพิ่มแต่เราตัดสินใจไม่ไปต่อ เขาก็มีให้เราลงโปรแกรมว่าเราจะยกเลิกทำอันนี้แล้ว เขาก็จะมีเหมือนแบบแจ้งว่าลงออก เป็นแอคซิสออก เพื่อที่จะทำการคืนเหรียญได้เงินคืนประมาณนี้ เราก็มีไปแจ้งความมีส่งเอกสารไป DSI แต่ยังไม่มีใครเรียกสอบ โดยในส่วนของตนได้นำเอกสารที่ระบุว่าเป็นเหรียญของเรา แล้วก็แป็นหลักฐานการคุย และตอนแจ้งเอคซิสออกเพื่อที่จะยกเลิกเราไม่ได้ลงทุนต่อแล้ว พร้อมด้วยใบแจ้งความ
ด้านผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ของตนโดนรวมทั้งหมดแปดหมื่นกว่าบาท ยังไม่รวมดอกรวมอะไรที่ว่าผ่าน ๆ มา วันนี้ตนก็จะสู้ คือคดีนี้ตั้งแต่ปี 63 ที่เราเดินเรื่องทั้งส่งเอกสารทั้งอะไรเราก็พยายามที่จะตามเรื่อง เราก็เคยมา DSI ตั้งแต่หมายเลขคดีปี 65 คือเขารับเป็นคดีแล้วเงียบ เขาเรียกสอบบางคน บางคนก็ไม่ได้สอบ แต่เราก็ไม่รู้ความคืบหน้าเลย เงียบตลอดเลย จนเราไม่ไหว เราคิดว่าคงหมดหนทางหมดอะไร ทางทีมงานของเราติดต่อทาง สว.นันทนา ได้เขาก็เริ่มประสานทางนี้ ทีแรกเราก็คิดว่ายังไงก็ไม่มีหวังหลอก พอไป ๆ มา ๆ เห็นความจริงจังของการทำงาน ท่าน สว.นันทนา เราก็คิดว่าเออน่าจะเป็นความหวังของเราได้ และในวันนี้ก็มายื่นหนังสือให้ทางอธิบดี DSI อยากที่จะรู้ว่าตอนนี้ดำเนินการถึงไหนแล้ว ซึ่งตอนนั้นที่เรายื่นเรื่องไว้แล้วทำไมมันถึงเงียบไม่อะไร แล้วต่อไปนี้คิดว่าการทำงานของ DSI ทุกขั้นตอนเราจะดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะรู้สึกว่ามันนานเกินไป มันไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ไม่มีการแจ้งอะไรเลย คือมันก็หายไปเฉย ๆ ความหวังเพียงหนึ่งเดียว วันนี้วันสุดท้ายแล้ว กะว่ารวมตัวสู้แล้วมาเยอะที่สุดแล้ว
******************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ